หลังเกษียณจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอสุทัศน์ วาณิชเสนี วัย 63 ปี ก็ยังไม่หยุดบทบาทการเป็นจักษุแพทย์ ยังเลือกทำงานและใช้ชีวิตสุด active ที่ออกแบบได้เองไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ ที่คุณหมอยังดูสมาร์ทและสดใสไฟแรงได้แบบนี้ นอกจากรอยยิ้มอารมณ์ดีบนใบหน้าแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เส้นผม” คือหัวใจสำคัญที่ช่วยพาคุณหมอย้อนวัย และเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง
คุณหมอสุทัศน์เล่าว่า ตนเองอยู่กับปัญหาผมร่วงผมบางมากว่า 20 ปีแล้ว แม้จะมีตัวช่วยเป็นยาทาและยารับประทานต่าง ๆ แต่ผมก็ยังหลุดร่วงมากขึ้นตามวัย จนเมื่อปี 2557 เริ่มสนใจและคิดจะลองปลูกผม แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที ทำให้ผมบางลงยิ่งกว่าเดิม จนเห็นได้ชัดทั้งบริเวณกลางศีรษะต่อเนื่องมาถึงแนวผมเหนือหน้าผาก
“เวลาเราอยู่ในสังคมคนที่อายุใกล้ ๆ กัน มันจะมีความแตกต่างกัน เราจะดูมีอายุมากกว่าเขา ดูแก่กว่าวัย เช่นผมกับพี่ชาย อายุห่างกัน 2 ปี ไปไหนคนทักเลยว่าเราเป็นพี่ นี่ก็ชัดเจน”
โดยเฉพาะเมื่อไวรัสโควิด-19 มาเยือน และนั่นหมายถึงร้านตัดผมทุกร้านปิด!!
“คนที่ผมน้อยลงไปเยอะ ต้องใช้วิธีตัดแบบทหาร ผมยาวหน่อยไม่ได้ ต้องไปตัด ให้เกรียนไปหมดหมือนกัน ก็จะไม่รู้สึกมาก พอช่วงโควิดไปตัดผมไม่ได้ ผมข้าง ๆ มันยังอยู่เยอะ แต่ตรงกลางไม่มี ก็จะเห็นความต่างชัดขึ้น”
ปัญหาเส้นผมจึงค่อย ๆ ลดทอนความมั่นใจในเรื่องภาพลักษณ์ของคุณหมอสุทัศน์ลงทีละนิดทีละน้อย กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง คุณหมอสุทัศน์ได้ฟังประสบการณ์การปลูกผมกับ “นามนิน” จากเพื่อนรุ่นน้อง ที่เชียร์ให้คุณหมอทำเลย แป๊บเดียวหาย ไม่เจ็บ คุณหมอสุทัศน์จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาผม
...เชื่อมั้ยว่า คุณหมอสุทัศน์เกือบตกรถไฟขบวนสุดท้าย เพราะกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอย เหลือน้อยจนแทบไม่พอปลูกใหม่ และผู้ที่ยื่นตั๋วรถไฟเปลี่ยนชีวิตขบวนนี้ให้ทันพอดี ก็คือคุณหมอนินนั่นเอง...
“ผมอาจจะเป็นเคส borderline เลยนะ เป็นเคสที่ทำยาก เพราะว่าของมีจำกัด คุณหมอนินก็ใช้ประสบการณ์ประเมินให้ว่าจะได้ผลมั้ย เหลือกราฟต์เท่าไหร่ ปลูกได้เท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้หวังผลให้มันเต็มหรือกลับมาเยอะ ๆ ขอแค่แบ่งมาไว้ข้างหน้าได้ ก็ทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนแล้ว ซึ่งคุณหมอนินก็บอกว่ามันคุ้มนะ คุ้มที่จะทำ”
แม้ว่าจะเป็นเคสที่ท้าทาย เนื่องจากพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่นั้นกว้างมาก ตรงข้ามกับกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลือน้อย แต่คุณหมอนินก็ช่วยคำนวณ วางแผน และจัดสรรการใช้กราฟต์ผม ให้พอเหมาะกับแต่ละจุด และตอบโจทย์มากที่สุด โดยเน้นบริเวณด้านหน้าที่คนไข้ต้องการเป็นพิเศษ ส่วนบริเวณอื่นจะใช้วิธีการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ควบคู่กันไป เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้น
และแล้วก็ถึงเวลาที่คุณหมอสุทัศน์จะได้พิสูจน์คำบอกเล่าของเพื่อน ว่าการปลูกผมไม่เจ็บจริงหรือเปล่า
“วันนั้นยังจำได้เลย ตอนเอากราฟต์ออก ผมก็นอนคว่ำใช่มั้ย ผมยังกดซื้อหุ้นอยู่เลย เพราะฉีดยาชาก่อนเริ่มทำ เวลาทำจึงไม่เจ็บไง มันก็จะสบาย ๆ ทุกอย่างมัน take time แต่มันง่าย”
ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เองทุกกราฟต์ โดยหลังปลูกผมก็มีเพียงเลือดออกซึม ๆ เล็กน้อย ซึ่งวันรุ่งขึ้น คุณหมอสุทัศน์แวะเข้ามาให้คุณหมอนินสระผมและตรวจดูแผล ก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับบ้านที่นครศรีธรรมราชได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น โดยนามนินยังจัดชุดผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ ที่บ้านมอบให้ด้วย
“การดูแลก็สำคัญ เราต้องดูแลตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ไม่ได้ยากอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องป้องกันเลือดออก ป้องกันการติดเชื้อ ดูแลความสะอาด และระวังไม่ให้กราฟต์หลุด ซึ่งหลังปลูกของผมไม่มีปัญหาแทรกซ้อนอะไร”
และการตัดสินใจปลูกผมทันเวลาของคุณหมอสุทัศน์ ก็ทำให้ได้ผลลัพธ์ผมที่เติมเต็มจนดูหนาแน่นขึ้น ปรับลุคให้ดูหนุ่มขึ้นและดูสมาร์ทย่างกับเป็นคนใหม่ เสริมความมั่นใจในการออกไปพบปะกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น
“ดีเลยนะ 9 เดือนแล้ว ไม่มีผมร่วง ผมคิดว่าคุณหมอปลูกไว้ให้เท่าไหร่น่าจะอยู่หมด คนรอบข้างก็ประทับใจทุกคน หลายคนไม่เจอกันนานก็มองแล้วมองอีก ใช่พี่สุทัศน์มั้ย ส่วนช่างตัดผมตกใจมาก ถามว่า ไอ้หยา ลูกพี่ ไปทำอะไรมา ก็เฮฮากัน ค่อยมีผมให้ช่างเขาตัดหน่อย ไว้ผมยาวขึ้นได้
...ถามว่าคุ้มหรือเป็นไปตามที่คาดมั้ย... มากกว่าที่คาด ดีกว่าที่คาดไว้ มันเป็น good looking นะ ทุกคนก็อยากดูดี ซึ่งการมีผมกับไม่มีผมมันก็ต่างกันชัดเจน”
คุณหมอนินยังคอยดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เสริมการบำรุงด้วยวิตามินและยาต่าง ๆ รวมถึงบริการ Premium Hair Booster Treatment ทุกเดือน ซึ่งคุณหมอสุทัศน์ก็ประทับใจจนถึงขั้นวางแผนกลับมาปลูกผมซ้ำอีกครั้ง
“ตอนนี้กำลังคุยกับคุณหมอนินว่า เอาอีกรอบ มาเพิ่มอีกหน่อย คุณหมอนินบอกว่าเพราะกราฟต์ผมข้างหลังเรายังแข็งแรง เอาออกมาอีกหน่อยได้”
คุณหมอสุทัศน์ยังฝากทิ้งท้าย ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ และคำว่าสายเกินไปนั้นมีอยู่จริง
“ถ้าเมื่อปี 57 ผมตัดสินใจทำ คงได้ผลลัพธ์ผมหนากว่านี้ ตอนนั้นกราฟต์ยังเยอะ เรื่อง timing จึงสำคัญ วันนี้เราไม่ทำ วันหนึ่งถ้าผมเราหมดไปแล้วล่ะ ดังนั้น ผมว่าไม่ต้องลังเล ไม่ต้องคิดเลย ทำเลย (หัวเราะ)”
...ลองมาออกแบบชีวิตให้ active และมีความสุขเหมือนคุณหมอสุทัศน์ โดยเริ่มจากการปลดล็อกปัญหาผม เพราะไม่ควรมีใครต้องสูญเสียความมั่นใจและความนับถือในตัวเองไป เพียงเพราะตัวเลขอายุ...
“คนเราเดี๋ยวนี้จะอยู่ถึง 100 ปีแล้ว ผมต้องเต็มหัวหน่อย ชีวิตมันยืนยาวขึ้นเยอะ
เราอาจคิดว่าช่างมัน มองยังไงก็เป็น “มนุษย์ลุง” แล้ว แต่ช่วงเวลาอีกอย่างน้อย 10 ปี 15 ปี
เรายังสามารถมี active life มี good looking ได้
...มันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า...”